ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์จริง

สวัสดีครับ ผมชื่อบอย ตอนนี้อายุ 22 ครับ ประสบการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองเมื่อราวๆ 8 ปีที่แล้วครับ ตอนนั้นผมอายุ 14 เรียนอยู่ ม.2 ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ฐานะค่อนไปทางยากจน ที่บ้านของผมนอกจากจะมีญาติพี่น้องของผมอาศัยอยู่แล้วนั้น ยังมีคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติอาศัยอยู่ด้วย เธอชื่อพี่หมิวครับ อายุมากกว่าผม 3 ปี คือว่าป้าผมแกไม่มีสามี ไม่มีลูก แล้วก็ไม่ได้มีงานอะไรทำ เลยมีคนเอาเด็กมาฝากให้ป้าผมเลี้ยง พี่หมิวคือเด็กคนดังกล่าวครับ แม่ของพี่หมิวนำพี่หมิวมาฝากให้ป้าผมเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ กินนอนอยู่ที่บ้านหลังเดียวกับผมมาตลอด ผมและพี่หมิวจึงเติบโตมาด้วยกัน เล่นด้วยกันทุกวัน จนสนิทสนมกันมาก แทบไม่ต่างอะไรกับพี่น้องแท้ๆเลย

วันเวลาล่วงเลยผ่านไป ผมอายุ 14 ส่วนพี่หมิวอายุ 17 ในตอนนั้นพี่หมิวโตเป็นสาวแล้ว แต่ผมยังเป็นแค่เด็กกะโปโลตัวผอมแห้งคนหนึ่ง คือผมเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะโตช้าครับ ซึ่งตรงกันข้ามกับพี่หมิวอย่างสิ้นเชิง เพราะในตอนนั้นพี่หมิวตัวสูงกว่าผม แขนขาก็ดูมีน้ำมีนวล โดยเฉพาะช่วงสะโพกและต้นขาที่ค่อนข้างแน่น หน้าอกหน้าใจก็ขยายใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างชัดเจน อีกทั้งพฤติกรรมหลายๆอย่างของพี่หมิวก็เริ่มจะเปลี่ยนแปลงไป ผมยอมรับว่าในตอนนั้นผมยังอ่อนต่อโลกครับ ยังมีความไร้เดียงสา จึงไม่รู้ว่าพี่หมิวคิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไร

มีอยู่วันหนึ่ง มันเป็นช่วงเย็นๆ พี่หมิวกำลังอาบน้ำอยู่ แล้วเธอดันลืมอะไรซักอย่างเนี่ยแหละผมก็จำไม่ได้ พี่หมิวเลยตะโกนเรียกผมบอกให้หยิบของไปให้เธอที ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ทำตามที่พี่หมิวบอก พอไปถึงหน้าห้องน้ำ ผมเข้าใจว่าพี่หมิวก็คงจะแค่แง้มประตูออกนิดหน่อย เพื่อรับของจากผม แต่ทว่าพี่หมิวดันเปิดประตูออกจนกว้าง ภาพที่ผมเห็นในตอนนั้นคือร่างเปลือยของผู้หญิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เนื้อตัวขาวโพลนไปหมด ผมในวัย 14 ขวบ ณ เวลานั้น ยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูกกับภาพที่เห็น เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นอะไรแบบนี้ สายตาผมโฟกัสไปที่ช่วงล่าง มันเป็นเนินเนื้อสามเหลี่ยมโหนกนูน มีขนอ่อนๆขึ้นนิดหน่อย กลีบยังคงปิดสนิท ทำเอาหัวใจผมเต้นตุ้บๆกับภาพที่เห็น จากนั้นผมก็มองสบตากับพี่หมิว พี่หมิวอมยิ้มเล็กน้อยให้ผม ก่อนจะรับของจากมือผมแล้วปิดประตูห้องน้ำ บอกตรงๆว่าในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าพี่หมิวเธอคิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไร แต่ตอนนี้พอคิดย้อนกลับไป ผมรู้แล้ว รู้ว่าพี่หมิวจงใจแก้ผ้าโชว์ผม น่าเสียดายที่ตอนนั้นผมยังเป็นเด็กไร้เดียงสาและซื่อบื้อ ผมจึงพลาดโอกาสทองที่จะได้ทำอะไรมากกว่านั้น เมื่อประตูห้องน้ำถูกปิด ผมจึงทำได้แค่เดินจากไปเสมือนว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ที่บ้านของผมมีสมาชิกอยู่กันหลายคน แต่ช่วงประมาณสามถึงสี่โมงเย็นคือช่วงที่จะมีคนอยู่บ้านน้อยที่สุด เพราะพวกผู้ใหญ่ยังไม่เลิกงาน ส่วนป้าผมก็มักจะชอบเดินออกไปนั่งคุยกับเพื่อนบ้าน ที่บ้านเลยมีแค่ยายของผมที่แก่แล้ว ยายมักจะนอนดูทีวีอยู่ที่เตียง ไม่ค่อยได้ลุกเดินไปไหน พอเลิกเรียนกลับมาบ้าน พี่หมิวจึงมักจะอาศัยช่วงเวลานี้เข้ามานั่งคุยเล่นกับผมในห้องเป็นประจำ ในห้องนอนผมไม่มีเตียง มีแค่ที่นอนแบบปูพื้น แถมอากาศก็ร้อนอบอ้าว เพราะมีแค่พัดลมตั้งพื้นเล็กๆตัวนึง วันนั้นผมจำได้ว่าพี่หมิวใส่กางเกงขาสั้นที่แบบว่าสั้นมากๆ ในขณะที่ท่อนบนยังคงสวมใส่เสื้อนักเรียน ผมเข้าใจว่าตอนนั้นพี่หมิวเพิ่งกลับมาถึงบ้าน เธอคงถอดกระโปรงนักเรียนออก แล้วก็เดินเข้ามาหาผมที่ห้องเลย กางเกงขาสั้นที่ว่าก็คงเป็นกางเกงที่พี่หมิวใส่เอาไว้ใต้กระโปรงนักเรียนเพื่อกันโป๊ อะไรประมาณนั้น แต่โดยปกติแล้วพี่หมิวจะไม่ใส่กางเกงขาสั้นขนาดนี้เดินไปมาในบ้าน เพราะว่าจะโดนป้าผมดุ

ตอนนั้นผมกำลังนอนเล่นอยู่บนที่นอนในห้อง จู่ๆพี่หมิวก็เดินพรวดพราดเข้ามา พี่หมิวทิ้งตัวลงนอนคว่ำทับผมแบบหน้าตาเฉย โดยไม่พูดไม่จาอะไรซักคำ ทำเอาผมงงแดกไปเลย
“ทำอะไรเนี่ยพี่หมิว!” ผมรีบถามขึ้นทันที แต่ว่าไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย ผมจึงพยายามจะดันตัวพี่หมิวออก เพราะอากาศในห้องมันร้อนอบอ้าว ยิ่งมาเล่นแบบนี้มันยิ่งน่าอึดอัดไปใหญ่ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าในตอนนั้นผมยังเป็นแค่เด็กน้อยตัวผอมแห้ง พี่หมิวตัวโตกว่าผม ผมจึงสู้แรงของสาววัยรุ่นที่ตัวโตกว่าไม่ได้ พี่หมิวยังคงนิ่งเงียบ ไม่ปริปากพูด พี่หมิวทิ้งน้ำหนักตัวลงนอนทับผมเต็มที่ จนทำให้ใบหน้าของผมฝังติดอยู่กลางร่องนมของพี่หมิวพอดี และด้วยความซื่อบื้อของผมในตอนนั้น ผมจึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เลยนอนให้เขาเอานมทับหน้าผมอยู่อย่างนั้น พอผมจะเบือนหน้าหนี พี่หมิวก็จับหน้าผมให้หันกลับไปตรงๆแล้วกดนมลงมาทับหน้าผมเอาไว้ต่อ ทำแบบนี้ซ้ำๆอยู่พักนึงโดยที่พี่หมิวก็ยังคงนิ่งเงียบ ไม่พูดไม่จาอะไรเลย ผมเลยเดาอารมณ์เธอไม่ถูกว่าเธอรู้สึกอย่างไร

จากนั้นสักพัก พี่หมิวก็ผละตัวออกจากผม ปล่อยให้ผมได้หายใจหายคอได้สะดวก ใบหน้าผมเปียกชุ่มเหงื่อไปหมด แถมผมยังแอบได้กลิ่นตัวตุๆจากรักแร้พี่หมิวด้วย เพราะพี่หมิวก็เหงื่อออกเยอะมากเช่นกัน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะขยับปากพูดอะไรต่อ พี่หมิวก็ได้เคลื่อนตัวของเธอกระเถิบขึ้นไปด้านบน ลำตัวของพี่หมิวอยู่เหนือศีรษะของผม ส่วนบริเวณเป้ากางเกงของพี่หมิวอยู่ในระดับสายตาของผมพอดี แล้วพี่หมิวก็ทิ้งตัวลงนอนลงมาทับผมอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ทำเอาหัวใจผมระส่ำระส่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะตรงเป้ากางเกงของพี่หมิว หรือถ้าจะให้พูดตรงๆก็คือหีนั่นแหละ ทับลงบนหน้าผมเต็มๆเลย เด็กอายุ 14 แบบผมในตอนนั้นมีความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามา ทั้งรู้สึกตื่นเต้น รู้สึกใจหวิวแบบแปลกๆ แล้วก็รู้สึกเป็นกังวล เพราะถึงแม้ว่าผมจะเป็นเด็กซื่อบื้อ แต่ผมก็รู้ว่าสิ่งที่พี่หมิวทำกับผมในตอนนั้นเป็นเรื่องที่น่าเกลียด หากมีผู้ใหญ่เข้ามาเห็น เราทั้งคู่ต้องโดนดุแน่ๆ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าช่วงเวลานั้นพวกผู้ใหญ่มักจะไม่ค่อยมีใครอยู่บ้าน จะมีก็แต่ยายของผมคนเดียว

ในตอนนั้น ทั้งพี่หมิวและผมต่างตกอยู่ในความเงียบงัน ผมเดาใจพี่หมิวไม่ถูกจริงๆ เพราะเธอยังคงไม่พูดอะไรเลย ส่วนผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน แต่พอผมจะหันหน้าหนีออกจากหีของพี่หมิว พี่หมิวเธอก็จับหัวผมให้หันหน้ากลับไปตรงๆเหมือนเดิม แม้ผมว่าจะตื่นเต้นและแอบมีความรู้สึกดีที่พี่หมิวเล่นอะไรแบบนี้กับผม แต่ถ้าให้บอกตรงๆก็คือตรงนั้นของพี่หมิวเหม็นใช้ได้ คือด้วยความที่อากาศมันร้อน พี่หมิวก็เพิ่งเลิกเรียนกลับมายังไม่ได้อาบน้ำ ตรงเป้ากางเกงมันก็เลยอับชื้น แถมยังมีกลิ่นสาบฉุนๆคล้ายกลิ่นฉี่อีกด้วย ผมจึงพยายามจะหาทางออก แต่พี่หมิวก็ไม่ยอมให้ผมหนีไปไหนง่ายๆ เพราะผมสัมผัสได้ว่าพี่หมิวจงใจเพิ่มแรงกดทับบริเวณกลางลำตัวมากขึ้น พูดตรงๆก็คือพี่หมิวกดหีทับหน้าผมเอาไว้แน่นขึ้น จนผมหายใจแทบจะไม่ออก ผมก็เลยยอมนอนนิ่งๆ ไม่ขัดขืน ซึ่งก็ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นไปตามความต้องการของพี่หมิว เพราะว่าพี่หมิวเริ่มขยับสะโพกขึ้นลง เริ่มจากช้าๆ ก่อนจะค่อยๆเพิ่มระดับความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผมนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็คือพี่หมิวกำลังกระเด้าหีใส่หน้าผมอย่างน่าเกลียด ลองนึกภาพเด็กวัยรุ่นผู้หญิงสมัยนี้ที่เต้นท่ากระเด้าพื้นกันตามงานรถแห่อะไรนั่น อารมณ์ประมาณนั้น ต่างกันที่พี่หมิวไม่ได้กระเด้าพื้น แต่กระเด้าหน้าผมแทน พอคิดย้อนกลับไปในตอนนั้นผมก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ จำได้แค่ว่าผมนอนนิ่งมาก นอนนิ่งและทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้พี่หมิวบดหีของเธอกับใบหน้าของผมอยู่อย่างนั้น

ยอมรับว่าในตอนนั้น ผมไม่รู้หรอกว่าพี่หมิวทำกับผมในลักษณะนั้นจนเธอเสร็จหรือไปถึงจุดสุดยอดไหม เพราะในตอนนั้นผมเพิ่งจะเริ่มรู้จักกับการชักว่าวได้ไม่นาน ผมยังรู้แค่การช่วยตัวเองของผู้ชาย แต่ไม่รู้ว่าสำหรับผู้หญิงเป็นยังไง หรือเวลาที่ผู้หญิงเสร็จจะมีอาการยังไง ยอมรับว่าในตอนนั้นผมยังไร้เดียงสากับเรื่องพวกนี้ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าพี่หมิวเธอก็คงจะรู้สึกดีแหละ เพราะว่าเธอบดหีใส่หน้าผมอยู่นานเหมือนกัน แล้วจากนั้นพี่หมิวก็ได้ยื่นมือลงมาถอดกางเกงขาสั้นของเธอออก บอกตรงๆว่าภาพกางเกงในสีเขียวอ่อนของพี่หมิวที่เปียกชุ่มในวันนั้นยังคงติดตาผมมาถึงทุกวันนี้ เมื่อถอดกางเกงออกแล้วเหลือเพียงกางเกงใน พี่หมิวก็ทิ้งตัวนอนคว่ำเอาหีทับหน้าผมไว้เหมือนเดิม แต่ว่าคราวนี้พี่หมิวนอนนิ่งไปเลย ไม่ขยับสะโพกบดเบียดไปมาหรือกระเด้าใส่หน้าผมเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ ส่วนผมก็ยังคงนอนซื่อบื้อทำอะไรไม่เป็นเหมือนเดิม สองมือของผมวางไว้ข้างลำตัว นอนนิ่งเป็นหุ่นไปเลย ไม่กล้าที่จะนำขึ้นมาจับก้นแน่นๆของพี่หมิวด้วยซ้ำ ทำได้เพียงแค่นอนดมหีพี่หมิวอยู่อย่างนั้นต่อไป แม้จะเหม็น แต่ลึกๆในใจผมก็แอบรู้สึกตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน จนกระทั่งพี่หมิวได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาที่หน้าบ้านนั่นแหละ เธอจึงผละตัวออกจากผม รีบร้อนใส่กางเกง แล้วก็วิ่งออกจากห้องผมไป

เรื่องราวและวีรกรรมที่พี่หมิวทำกับผม ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เอาไว้เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ…

(ตอนนี้ผมกับพี่หมิวไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แต่ยังติดต่อพูดคุยกันบ้างเป็นบางครั้งคราวในโซเชียล หากพี่หมิวบังเอิญเข้ามาอ่านเรื่องที่ผมเล่า พี่หมิวก็คงจะจำได้แน่ๆ แต่คิดว่ามันก็คงจะไม่บังเอิญอะไรขนาดนั้นหรอกมั้ง แต่ถ้าบังเอิญขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องกราบขอโทษด้วยนะคร้าบบบบที่เอาเรื่องมาแชร์ให้คนอื่นอ่าน อย่าโกรธกันน๊าาาา อิอิ)